บาร์โค้ดมีกี่ประเภท?
บาร์โค้ด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. บาร์โค้ด 1 มิติ (1D)
มีลักษณะเป็นเส้นขาวดำที่มีความหนาบางสลับกันเหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลเยอะ เช่นรหัสสินค้า ชื่อผลิตภัณฑ์ เลขประจำตัว เลขสมาชิก Serial no. และLot no. ของสินค้าเป็นต้น ซึ่งบาร์โค้ด 1 มิติ ที่นิยมใช้ในประเทศไทยมีอยู่ 3
ตระกูล คือ EAN13, Code 39, Code 128ตระกูล EAN 13 – ต้องไปขึ้นทะเบียนกับ GS1 , เป็นตัวเลขชุด 13 หลักนิยมใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น อาหาร เครื่องดื่ม
ตระกูล Code 39, Code 128 – เป็นบาร์โค้ดที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในงานอุตสาหกรรม หน่วยงานของรัฐ และองค์กรเอกชนสามารถนำมาใช้ได้ฟรีกับสินค้าทั่วไป
2. บาร์โค้ด 2 มิติ (2D)
ออกแบบให้บรรจุข้อมูลได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอนทำให้สามารถบรรจุข้อมูลได้มากถึงประมาณ 4,000 ตัวอักษรหรือประมาณ 200 เท่าของบาร์โค้ด 1 มิติในพื้นที่เท่ากันหรือเล็กกว่า สามารถบรรจุข้อมูลภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษได้ เช่นภาษาไทย ญี่ปุ่น จีน หรือ เกาหลี เป็นต้น บาร์โค้ด 2 มิติสามารถถูกถอดรหัสได้แม้ว่าบาร์โค้ดบางส่วนเกิดการเสียหายบาร์โค้ด 2 มิติที่นิยมใช้ทั่วไปมี 3 ตระกูล คือ QR Code, DataMatrix และ PDF417
ตระกูล QR Code – บาร์โค้ดชนิดนี้เหมาะสำหรับเว็บไซต์จ่ายบิล ชำระเงิน เพิ่มเพื่อนใน LINE ตั๋วเข้างานต่างๆ BordingPass ตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
ตระกูลData Matrix – บาร์โค้ดชนิดนี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็คโทรนิคอาหาร อะไหล่รถยนต์ และเครื่องจักร เป็นต้น
CR : https://playingcard.or.th/th
- เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต
- เครื่องยิงเลเซอร์
- เครื่องยิงวัน
- เครื่องพิมพ์วันที่
- เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ
- เครื่องยิงวันที่
- CIJ Printer
- เครื่องตีวันที่
- เครื่องพิมพ์ inkjet อุตสาหกรรม
- industrial continuous inkjet Printer